ยิ่งฉลาด ...ยิ่งทุกข์ - ครูเต้ แพทย์จุฬา
ยิ่ง ฉลาด ยิ่ง ทุกข์ จริง หรือ ?
เมื่อย้อนเวลาที่พี่อยู่ประมาณชั้นอนุบาลหรือชั้นประถมศึกษา ช่วงนั้นการแข่งขันทางวิชาการยังมีน้อยและไม่เป็นที่สนใจมาก การตื่นตัว การเรียนพิเศษเกี่ยวกับเรื่องเรียนเพื่อสอบแข่งชิงรางวัลก็ยังไม่แพร่หลาย มาถึงตอนนี้ บางครั้งพี่ก็รู้สึกเสียดายโอกาสที่จะสามมารถพัฒนาความรู้ความสามารถตัวเอง แต่อีกใจหนึ่ง พี่ก็รู้สึกเสียจังที่ตอนเด็กๆ พี่ไม่ต้องแบกรับภาระการเรียนมากมาย ต้องผจญกับการแข่งขันต่างๆทำให้พี่ลืมความสนุกสนานตามวัยที่ควรจะเป็น
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สังคมไทยในปัจจุบันเป็ฯสังคมที่ให้คุณค่ากับความเก่ง สิ่งที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ การแข่งขัน ลองนึกดูตั้งแต่ตอนเราเกิด พ่อ-แม่ บางท่านแข่งกันหาอาหารดี มีคุณค่าเพื่อไปบำรุงสมองลูกน้อยเพื่อที่ลูกจะได้ฉลาด สมองดีเรียนรู้ได้ไว ต่อมา ก็แข่งกันเข้าโรงเรียนอนุบาลที่จะให้ความรู้ลูกตัวเองอย่างเต็มที่ มีการจ้างครูพิเศษสอนที่บ้าน สามปีอนุบาลแทนที่จะมุ่งเตรียมความพร้อม กลับกลายเป็นการติวเข้มเข้าประถมหนึ่ง เมื่อเข้ามาเรียนได้แล้ว ก็ต้องแข่งขันกันอีก แข่งกับเพื่อน จากเพื่อนร่วมห้องกลายเป็นคู่แข่ง แข่งกันเก่ง แล้วก็แข่งกันเข้ามหาวิทยาลัย แข่งขันกันเรียน แล้วก็แข่งขันกันทำอาชีพ ใครเก่งใครได้ใครฉลาดใครรอด ใครไวใครชนะ ใครเก่งกว่าถือถือเป็นคู่แข่งที่ต้องห้ำหั่น เอาชนะให้ได้ ใครเก่งน้อยกว่าถือเป็นม้านนอกสายตา ไม่สมจะคบหาด้วย สำหรับคนเก่งจึงไม่มีคำว่า “ชื่นชม” สำหรับคนเก่งกว่าตน และไม่มีคำว่า “ เห็นใจ ” สำหรับคนที่เก่งน้อยกว่า
ลองนึกดูนะครับว่า การที่เราชนะทุกคน และเป็ฯที่ 1 ได้ เราคิดว่าเราจะมีความสุขอยู่ตลอดไปหรือ คนบางคนอ่านหนังสือเพื่อให้ได้คะแนน คะแนนคือสิ่งที่ดีความว่าตนเก่ง ตนฉลาด ตนเด่นกว่า ดีกว่าคนอื่น บางคนเก่งคอมตัวแม่ บางคนเก่งวิชาการตัวพ่อ แต่ถ้าน้ำท่วมโลก ไฟฟ้าขาด ถนนไม่เชื่อมต่อ มีแต่ผืนดิน คนที่ดำนาเกี่ยวข้าวกลับบกลายเป็นคที่วิเศษที่สุด ความรู้จักพันแสน บทเรียน แต่ยามทุกข์หยิบมาใช้ดับทุกข์ไม่ได้แม้สักบรรทัดเดียว มิสามารถเรียนคนเหล่านั้นว่า ”บัณทิต” ได้ เพราะบัณทิตนั้นต้องไม่เน้นจนลืมสุข เอาแต่เรียน จนลืมสนุกสนาน เอาแต่คะแนน จนลืมเพื่อน เอาแต่สมองเป็นเลิศ จนลืมทักษะความสุนทรีย์ เอาแต่เด่น จนลืมสังคม เอาแต่ตัว จนลืมใครอื่น ต่อไปชีวิตของเขาอาจต้องโดดเดียวลำพัง
ที่พี่พูดมา ไม่ใช่บอกว่าห้ามแข่งขันหรือห้ามเก่ง เพราะว่าในชีวิตจริงตามกฎธรรมชาติ เราก็ต้องแข่งขันกันตั้งแต่ก่อนจะเป็นตัวอ่อน sperm หลายล้านตัวจะต้องแข่งขันเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ แต่เราลองมาแข่งขันแบบเน้นความสุขควบคู่ไปกับการมีวินัยดีกว่าคือทำหน้าที่การเรียนไปด้วย แต่หัวใจก็เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข บางครั้งอาจไม่ต้องเรียนจนเกินตัว ไม่ต้องได้คะแนนเป็นที่หนึ่ง ลองแบ่งปันหัวใจไปให้ตนเองและคนอื่นบ้าง สำหรับคนอื่น ลองมองคนที่เหนือกว่าเราอย่างชื่นชม มองคนที่ด้อยกว่าอย่างเห็นใจ และปรารถนาที่จะให้เขาดีขึ้น ในส่วนตนเอง ลองหาสิ่งที่มาเติมเต็มความสุขให้ชีวิต บางคนชอบเล่นดนตรี บางคนชอบเล่นกีฬา เท่านี้แล้ว เราก็จะกลายเป็นคนเก่งที่เปี่ยมไปด้วยความสุข อย่าต้องทะเยอทะยานเพื่อประสบความสำเร็จ แค่เป็นคนดีที่มีคุณค่าก็พอแล้ว
Try not to become a man of success but rather to become a man of value.
Albert Einstein US (German-born) Physicist 1879-1955
ครูเต้ - แพทย์ศาสตร์ ( จุฬาฯ )
ศิษย์เก่า และ อดีตครูสอนชีววิทยา