เก่งคณิตคิดอย่างไร

เรียนเสริมอย่างไรดีกับวิชา  คณิตศาสตร์ ช่วงชั้น ป.2-ป.4 คณิตศาสตร์

เนื้อหาไม่ยากมากนัก  การปลูกฝังความคิดทำได้ดี  เด็กจะชอบหรือไม่ชอบในบางวิชาอยู่ที่การปลูกฝังในช่วงนี้

 

   เนื้อหาให้รู้ในกระบวนการคิด  สูตรคูณต้องคล่อง  บวก ลบ คูณ หาร  ให้พลาดน้อยที่สุด  เพราะเป็นพื้นฐานของการเรียนในช่วงชั้น ป.5 – ป.6  การสอนกระบวนการคิดดูเป็นเรื่องที่ต้องให้เด็กรู้มากกว่ากระบวนการจำ  โดยทั่วไปอาจารย์จะสอนแต่กระบวนการจำ  ทำให้ดูเหมือนว่าคณิตศาสตร์ก็ไม่ต่างไปจากสาขาวิชาอื่น  โจทย์ปัญหาเริ่มยากขึ้นในชั้น ป.3-ป.4  แต่เป็นเชิงบวกลบคูณหาร  ทำอย่างไรให้รักคณิตศาสตร์ให้ลองหาคำตอบได้จากหลาย ๆ ที่นะครับ  ถ้าไม่ได้ผลขั้นสุดท้ายให้ส่งศิษย์ให้ผมดูแล  ครูก็ไม่ต่างไปจากหมอที่คอยจัดยาให้คนป่วย  หมอบางท่านรักษาหาย  บางท่านรักษาไม่หาย  ความแตกต่างจึงเกิดขึ้นในการรักษาและการสอน  เนื้อหาเดียวกันแต่การนำเสนอต่างกัน  อยู่ที่วิธีการ  เสมือนการเดินทางไปเชียงใหม่  อาจไปรถ  เดิน วิ่ง เครื่องบิน ปั่นจักรยาน ได้หลายเส้นทาง ทางไหนดีที่สุดขึ้นอยู่กับความจำเป็นของแต่ละบุคคลนะครับ

   วัยในช่วงชั้น ป.2-ป.4 เรื่องซนเป็นของธรรมดา  เนื้อหาที่เรียนดูจะง่ายก็จริงอยู่แต่ความซนของเด็กคือตัวแปรที่ต้องอาศัยจิตวิทยาในการควบคุมอารมณ์บอกให้อ่านดูจะเป็นเรื่องยากสำหรับบางคนโดยเฉพาะเด็กผู้ชาย  การเรียนการสอนใช้จิตวิทยาสูงในการดึงความสนใจ  จึงทำให้เด็กรักและชอบบางวิชาในช่วงนี้ 

การเรียนเสริมในช่วงชั้น ป.5-ป.6

   การเรียนรู้เริ่มเป็นระบบขึ้น  การใช้เชาว์ปัญญาในการตอบปัญหาช่วยได้ในระดับหนึ่ง  แต่การเรียนรู้ที่ลึกลงไปก็ต้องอาศัยความขยันส่วนหนึ่ง  ด้วยวัยที่ห่วงเล่นติดเพื่อนและติดเกมส์เป็นกันมากเกือบทุกโรงเรียนคืออุปสรรคของการเรียนรู้ในวัยนี้เริ่มเป็นตัวของตัวเอง  รักสวยรักงาม  อุปสรรคการเรียนคือสมาธิในการเรียนบางคนจะน้อยลงไป  ครูและผู้ปกครองมีบทบาทในการดึงสมาธิกลับคืนมาด้วยความรัก  มีศิษย์คนหนึ่งเมื่อหกปีที่ผ่านมาสอบเข้าบดินทร์1 ได้ที่ 5 เพราะในสมัยนั้นเน้นการสอบเข้าเป็นหลัก  เก่งทางด้านคำนวณมาก  อยู่แค่ ป.6 แต่เนื้อหา ม.1- ม.2 ที่เป็นเรื่องหลัก ๆ ผมสอนๆไปเกือบหมด  เพราะ ป.6 สอนไปหมดแล้ว  เอาเป็นว่าการเรียนรู้อยู่ที่ตัวเด็กนะครับ ผมเองก็ไม่ได้บังคับว่าต้องเรียน  แต่ผมก็มีวิธีนำเสนอในกระบวนการเรียน  เสมือนหนึ่งการนั่งสมาธิ  เป็นการรู้เฉพาะตนดังที่พระพุทธเจ้าท่านสั่งสอน  จะอาศัยแต่การเรียนโดยไม่ปฏิบัติ

   เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจว่าสมาธิคืออะไร…  ฉะนั้นเนื้อหาของช่วงชั้นนี้ก็ขึ้นอยู่กับพื้นฐานเด็กแต่ละคน  สำหรับผมเองผมก็มีมาตรฐานการเรียนรู้อยู่  คงเติมเต็มให้ครบสมบูรณ์นะครับ

การเรียนเสริมในช่วงชั้น ม.1-ม.2

   การประยุกต์ใช้คณิตศาสตร์มีค่อนข้างมากโดยเฉพาะหลักสูตรใหม่  ต้องมีความคล่องตัวในการใช้ตัวเลขอย่างดี  มีเหตุผลในการคิดวิเคราะห์  กระบวนการสอนเน้นให้คิดเป็นหลักถึงที่มาที่ไปของสูตรต่าง ๆ ไม่ได้ให้ท่องจำเหมือนสมัยก่อน  ต้องรู้ที่มาอย่างดีพอ  การติดขัดในขณะที่ทำการบ้านหรือทำข้องสอบจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้น  ถ้าศิษย์เป็นนักอ่านนักค้นคว้าก็เป็นสิ่งที่ดีแต่ถ้าไม่ใช่ก็คงเป็นอุปสรรคพอสมควร  เพราะข้อสอบแต่ละโรงเรียนและหลักสูตรตำราที่เขียนมาทุกเล่มเน้นในการบวนการคิด  บางเล่มก็มากไปเขียนตามฝรั่งเขาว่าอย่างไรก็ลอกตามเขาไปหมดอ่านแล้วน่าเบื่อ  เอาพอดีนะครับ  เข้าใจกระบวนการคิดปรับเทคนิคประยุกต์ทำข้อสอบได้  เป็นอันใช้ได้  รู้มากไปในการบวนการคิดประยุกต์ไม่เป็นก็ตกเช่นเคย  รู้อย่างเดียวไม่ได้ต้องประยุกต์เป็นด้วยเสมือนหนึ่งคนเก่งมากเวลาไปทำงานกับเพื่อน ๆ มักทำไม่ได้  ต้องให้ทำคนเดียวจึงจะได้  เพราะเก่งเกินไป  ตรงเกินไป  ประยุกต์ไม่เป็น 

   เรื่องใหม่มีมากมายในช่วงชั้นนี้  แตกต่างไปจากการเรียนในชั้น ป.5-ป.6 มาก ๆ นะครับ

การเรียนเสริมในช่วงชั้น ม.3

   มีคำกล่าวกันโดยทั่วไปว่า ม.3 เป็นระดับชั้นที่ยากที่สุดในการเรียนคณิตศาสตร์ และเป็นพื้นฐานการเรียน ม.ปลายทุกเรื่อง  แตกต่างจาก ม.1 และ ม.2 อย่างสิ้นเชิง  เป็นตัววัดว่าใครจะเรียนสายวิทย์หรือสายศิลป์ก็ว่าได้นะครับ  ต้องอาศัยความขยันทำโจทย์บ่อย ๆ มีเทคนิคต่าง ๆ ในการทำโจทย์หลาย ๆ แบบ  สนุกดีนะครับ  เหมือนเราเดินทางไปเชียงใหม่ไปทางไหนเร็วที่สุดและปลอดภัย  คณิตศาสตร์ใน ม.3 ก็เช่นกัน ทำอย่างไรจึงเร็วและถูกต้อง 

   ใครที่ไม่ชอบคณิตศาสตร์หรือเรียนแล้วไม่เข้าใจตั้งแต่ประถมจนถึง ม.2  ก็ยังพอลุ้นในระดับชั้นม.3 เพราะเป็นเรื่องใหม่ที่ศิษย์ยังไม่เคยเรียนมาก่อน  แต่หลักสูตรใหม่เริ่มมีการปูพื้นฐานกันมาตั้งแต่ ม.1  แต่ถ้าเป็นของเด็กที่เรียนนานาชาติตำราต่างประเทศ  เขาจะเริ่มปูพื้นฐานตั้งแต่ ป.5-ป.6 แต่เนื้อหาไม่ลึกมากนิด ๆ หน่อย ๆ

การเรียนเสริมในช่วงชั้น ม.4 –ม.5-ม.6

   พื้นฐานของม.3 มีความจำเป็นต่อการเรียนรู้ในชั้นนี้เป็นอย่างยิ่ง  เนื้อหาละเอียดมากต้องอาศัยความเข้าใจอย่างแท้จริง  การประยุกต์โจทย์ทำได้หลายหลาย  มีเทคนิคมากมาย  เอาเป็นว่าเป็นวิชาที่ยากที่สุดในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย  ทำได้คือได้ไปเลย  ทำไม่ได้คือไม่ผ่าน  กลาง ๆ มีนิดหน่อย  ต้องหมั่นทำโจทย์บ่อย  ไม่ต้องเรียนพิเศษก็ได้แต่ต้องอ่านหนังสือเป็นและสรุปประเด็นต่าง ๆ ได้  การเรียนพิเศษ  พี่ ๆ คงช่วยในเรื่องการเตรียมตัว  การวางแผนการอ่าน  รวมไปถึงข้อไหนมีเทคนิคยังไงคงช่วยตรงนี้  รวมไปถึงการทำแบบวัดผลก่อนเข้าสอบจริง  ผมมีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงนะครับ  ติดขัดตรงไหนมาช่วยกัน  รวมไปถึงทางลัดสู่ประเด็นสำคัญในแต่ละเรื่อง  เพื่อให้ได้เนื้อหากระชับ  การเรียนตามสถาบันติวต่าง ๆ ก็เป็นสิ่งที่ดีราคาประหยัด  แต่ต้องนั่งเรียนกับวีดีโอ  อาจมีบ้างที่นั่งเรียนกับอาจารย์โดยตรง  ไม่เข้าใจต้องถามทันทีเพราะทุกจุดที่ไม่เข้าใจคือประเด็นที่ต้องต่อเนื่องในหัวข้อถัดไป  การเก็บสะสมไว้ไม่เกิดผลดีต่อการเรียนรู้ทำให้เรียนไม่รู้เรื่องได้  ตามเนื้อหาไม่ทัน  เอาเป็นว่าเรียนตรงไหนเข้าใจก็เรียนตรงนั้นถ้าถึงที่สุดแล้วก็แวะมาหานะครับ   อยากให้ไปลองในหลาย ๆ ที่ก่อนจะได้คำตอบเองว่า  แท้จริงการเรียนรู้อยู่ที่ตัวเราเองและครูที่จะต้องจูนคลื่นการรับรู้ให้ตรงกัน  เมื่อคลื่นตรงกันจึงเกิดการเรียนรู้  ศิษย์ชอบฟังเพลงสตริงแต่ครูสื่อเป็นเพลงลูกทุ่ง  คลื่นหัวใจไม่ตรงกันก็ต้องปรับจูนกันทั้งสองฝ่าย  เพื่อให้เกิดการเรียนรู้  จะโทษครูอย่างเดียวว่าสอนไม่เก่งฉันจึงไม่รู้เรื่อง  ส่วนครูก็บอกว่าก็เธอไม่สนใจเรียนการบ้านไม่ทำ  ต่างคนต่างมีเหตุผลที่ไม่ได้นำมาซึ่งความก้าวหน้า…มีอคติต่อกันสุดท้ายศิษย์เข้ามหาลัยไม่ได้  ครูก็ไม่มีใครเรียนด้วย  ปัญหามันอยู่ตรงนี้นี่เองคือต้องช่วยกันทั้งสองฝ่าย  พระพุทธเจ้าท่านสอนว่าอย่าเชื่อเพราะเป็นครู  แต่ให้เชื่อตัวเราเองครูเป็นผู้ชี้แนะแนวทาง…ขยันคือสำคัญที่สุดในการเรียน           ม.ปลาย  เจอมากมายทีเดียวกับลูกศิษย์ที่เก่งแต่ขี้เกียจผลสุดท้ายก็ผิดหวัง  การเรียนม.ปลายอย่าให้เป็นแค่เรียน  ผ่านไปวัน ๆ แต่ขอให้เป็นกิจวัตรที่ต้องทำ 

การเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย

   เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้ผลการเรียนสะสมมาเป็นส่วนในการรับเข้าของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ  แต่อย่างไรก็ดี  การสอบวัดระดับคะแนนยังเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อันเนื่องมาจากมาตรฐานการเรียนการสอนของแต่ละโรงเรียนไม่เท่ากัน  การเตรียมตัวดีจึงชนะไปแล้วครึ่งหนึ่ง  แล้วจะเตรียมตัวอย่างไรหละในวิชาคณิตศาสตร์...

   ง่ายนิดเดียว  ปัจจุบันตำราต่าง ๆ มีมากมายให้เลือก  ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยมีเฉลยอย่างละเอียดยิบ  มีแนวคิดหลากหลายแนวคิดจากอาจารย์หลาย ๆ ท่าน เขียนไว้ในตำรา  ขอเพียงแค่ศิษย์เบิ่งตาอ่านรับรอง  สอบได้แน่นอน…ฝึกทำโจทย์บ่อย ๆ คิดแล้วคิดอีก  เอาให้เก่งซะตอนม.ปลายนี่แหละ  เพราะพอไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัย  บางคณะเรียนยากกว่าเดิมอ่านเพิ่มอีกนิดได้ A  บางคณะเรียนง่ายกว่าที่เรียน ม.ปลาย ได้ A แน่นอนแค่ทบทวนของเดิมที่เรียนม.ปลายอีกครั้งแล้วเอาเวลาไปเตรียมตัวเก็บ A จากวิชาอื่น  จะเห็นได้ว่าลงทุนครั้งเดียวได้กำไร 2 ต่อแล้วจะขี้เกียจไปทำไมขอรับ

   การเรียนติวตามสถาบันต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ดีที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์    การเรียนรู้ถ้าเราขยันอยู่ที่ไหนมันก็สอบได้หมด  สำคัญอยู่ที่ใจเราเอง  ผมอยากให้เอาเวลาบางส่วนมาอ่านตำราเองบ้าง   เล่นกีฬา  ร่วมกิจกรรมกับครอบครัว  อย่าเอาแต่เรียนจนลืมหูลืมตา  อย่างนี้มันก็เกินไป  เดินทางสายกลาง  ทำวันนี้ให้ดีที่สุด  ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้  ไม่ได้หมายความว่าจะสอนให้เป็นคนขี้เกียจแต่ให้ศิษย์เดินในทางสายกลาง  การเรียนพิเศษเป็นแค่ทางเลือกมิได้เป็นตัวชี้ขาดการเรียนของศิษย์  เรียนเก่งแต่เอาตัวไม่รอดมีมากถมไป  เรียนรู้ควบคู่คุณธรรมดูเป็นสิ่งที่ดีที่สุด  นักวิทยาศาสตร์ที่เก่งของโลกอาศัยการเรียนรู้ค้นคว้าเพิ่มเติมด้วยตัวเอง  ครูเป็นผู้ชี้แนะแนวทางในยามติดขัด  หากเราคิดเช่นนี้ได้การเรียนก็จะมีความสุขขึ้น  คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่สนุกนะครับ  สนุกยังไงมีคำตอบหลังจากที่ศิษย์เองได้จับตำราอ่านเองอย่างจริงจัง  ลองดูนะครับ  เรียนที่ไหนก็ได้ถ้าไม่ดีขึ้นถึงที่สุดแล้วให้แวะมาหาผมนะครับ…มานั่งวิเคราะห์กันว่าเป็นเพราะเหตุใดหลังจากที่ได้วิเคราะห์แล้วหาทางแก้ไขร่วมกัน…เพื่อสานฝันไปสู่จุดหมาย  ผลการเรียนไม่เป็นที่พอใจบางครั้งเกิดจากหลายสาเหตุ….ประเด็นอยู่ตรงไหน…เข้าสู่กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อหาคำตอบ…การเตรียมตัวอ่านอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง  แล้วจะเตรียมยังไงหละ  อย่างน้อยที่สุดก็ต้องทำตารางทบทวนในสิ่งที่ได้เรียนมา  อย่ารอจนถึงวันสอบแล้วจึงอ่าน…

 

การเตรียมสอบเข้าเตรียมใหญ่และนักเรียนทุนของสถาบันต่าง ๆ ของศิษย์ ม.3

   ในส่วนวิชาคณิตศาสตร์เนื้อหาค่อนข้างลึกไปอยู่ที่ ม.ปลาย  เนื้อหาของม.3 จริงแต่บางเรื่องต้องใช้ทักษะม.ปลายในการคิดมีหลายเรื่องทีเดียว  เรียนของม.3ได้แต่สอบไม่ได้คือรู้เรื่องหมดแต่สอบไม่ได้  ศิษย์บางคนได้เกรดเฉลี่ย 4.00  แต่เวลาไปสอบทำไมมันสอบไม่ได้  ดูเหมือนจะได้แต่ไม่ได้  สาเหตุคือคนสอบเยอะคัดที่เก่งจริง ๆ ใครที่เรียนมากกว่าชาวบ้านคนนั้นได้  ต้องเข้าใจประเด็นตรงนี้ก่อน  ฉะนั้นต้องเรียนของม.3 ด้วยและต้องเรียนม.ปลายด้วยในบางเรื่องที่มักออกสอบบ่อย  จะให้เรียนทั้งหมดก็กระไรอยู่เลือกเอาประเด็นที่ออกสอบบ่อย ๆ ตรงประเด็นที่สุด  ไม่เสียเวลาเรียนได้ผลตรงประเด็น  มีเวลาไปเรียนวิชาอื่น…หรืออ่านหนังสือ  

   ฉะนั้นสำคัญที่สุดคือบางเรื่องของม.ปลายต้องมาเรียนในขณะที่อยู่ ม.3  รับรองสอบได้ล้านเปอร์เซ็นต์   แล้วเรื่องไหนบ้างหละมีคำตอบให้จากข้อสอบเก่า  อยู่ที่ว่าจะเรียนหรือเปล่า…สู้มั้ย…หรือว่าจะยอมแพ้ตั้งแต่เริ่มต้น…

การเตรียมตัวสอบเข้าม.1

   เนื้อหาที่ใช้ในการสอบอยู่ที่ระดับ ม.1 และ ม.2  ความรู้แค่ป.6 ช่วยได้ในระดับหนึ่งแต่คนที่มีความรู้ในระดับ ม.1 และ ม.2 ทำได้ดีกว่า  เนื้อเรื่องก็ไม่ต่างไปจาก ป.6 มากนัก เพียงแต่ละเอียดขึ้น  มีประเด็นให้คิดมากขึ้น  การเตรียมตัวแค่ชั้น ป.6 อย่างเดียวดูจะไม่ได้ผลเมื่อต้องไปสอบแข่งกับเพื่อน ๆ

   ผู้ปกครองบางท่านกังวลใจว่าแล้วเด็กจะเรียนได้หรือ  อันนี้อยู่ที่วิธีการสอนนะครับ จริง ๆ แล้วเนื้อหาไม่ได้ต่างกันมากนักนะครับ   ใจเราคิดไปต่างหากว่ามันยาก  การเรียนรู้ในวัยนี้ครูมีบทบาทมากในการช่วยทบทวนเด็ก  ลำพังเด็กเรียนโดยที่ปล่อยให้เด็กทบทวนเองดูจะเป็นเรื่องยากพอสมควรอันเนื่องมาจากวัยของเด็กที่ยังห่วงเล่น

           

  เอาเป็นว่าหาใครสักคนที่เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลการเรียนของเด็ก  อย่างน้อยที่สุดเป็นคนเช็คการเรียนรู้ของเด็กว่าเป็นไปตามเป้าที่วางไว้หรือเปล่า  ขาดตกบกพร่องตรงไหนในกระบวนการเรียนรู้  ให้กำลังใจนะครับ 

คณิตศาสตร์ยากจริงหรือเปล่า ?

   เป็นวิชาที่ต้องฝึกคิดนะครับ  ทำแบบฝึกหัดบ่อย ๆ จึงสามารถเรียนรู้ได้ดี  พื้นฐานมีส่วนให้ชอบหรือไม่ชอบในวิชานี้  แต่ไม่ได้เหมารวมไปทีเดียว  ใครที่อ่อนตรงไหนก็เสริมได้  เรียนรู้ได้  อย่าปล่อยให้เลยตามเลย  เพราะจะทำให้เรียนไม่รู้เรื่องได้ ดีที่สุดคือไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามอาจารย์ได้เลย  อย่ารอจนดินพอกหางหมู  จะทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายเพราะเรียนไม่รู้เรื่อง  ทำอย่างนี้สม่ำเสมอกับทุกบทเรียน รับรองได้ว่าสอบได้แน่นอน 

   ขอให้การเรียนรู้อยู่ในมุมมองผู้สอน  คือเรียนเพื่อที่จะไปสอนใครสักคนหนึ่งอาจเป็นเพื่อน ๆ ก็ได้ ทำความเข้าใจแล้วฝึกถ่ายทอดให้เพื่อนฟัง  จะทำให้การจำดีขึ้นเพราะเราใช้กระบวนการเรียนครบคือฟัง พูด อ่าน เขียน   อย่าหวงวิชาความรู้นะครับ  ยิ่งให้ยิ่งได้รับ

 

หากทำได้เช่นที่ว่านี้รับรองว่าคณิตศาสตร์จะเป็นวิชาที่ไม่ยากอย่างที่คิดอีกต่อไป…

 

 

Visitors: 88,214